อีก 1 ช่องทางในการติดต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

การฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟัน หรือการฟอกฟันขาว ถ้าว่ากันแบบกำปั้นทุบดินก็คือการทำให้ฟันมีสีขาวขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีครับ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรามาว่ากันเรื่อง ทำไมฟันมันถึงเหลืองกันก่อนดีกว่า.....
สาเหตุที่ทำให้ฟันเรามีสีเข้มขึ้น หรือสีไม่สม่ำเสมอ เกิดจากสาเหตุหลักๆ 3 อย่างครับ

1. จากการรับสีมาจากภายนอก เช่น
- การรับประทานเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง
- คราบจากการสูบบุหรี่ ยาเส้น ไปป์ ซิการ์
- คราบหินปูนที่เกิดจากการทำความสะอาดฟันไม่ดี

2. จากฟันของคนไข้เอง เช่น
- สีจากการกินยาเตตราซัยคลิน ซึ่งจะทำให้ฟันมีสีเหลือง เทา น้ำตาล ได้
- ฟันมีสีเข้มขึ้นตามอายุ
- ฟันผุ หรือมีสีของวัสดุอุดสะท้อนออกมาให้เห็น (มักเกิดกับวัสดุสีเหมือนฟันที่เสื่อมคุณภาพ มีรอยผุต่อข้างใต้ หรือวัสดุเดิมเป็นโลหะอมัลกัม)
- จากการบริโภคฟลูออไรด์มากเกินไปตอนเป็นเด็ก (ตอนเด็กๆ ใครชอบกลืนยาสีฟัน ยกมือขึ้น !!) กรณีนี้จะทำให้ฟันด่างเป็นจุดขาวๆ ครับ

3. จากการถูกกระทบกระเทือนรุนแรง
ทำให้มีเลือดออกในโพรงประสาทฟัน ฟันตาย


การจะทำให้ฟันขาวขึ้น เราคงต้องดูจากสาเหตุก่อนครับ ถ้ามาจากการรับสีมาจากภายนอก เพียงแค่ทำความสะอาด ขูดหินปูน ขัดฟันให้เรียบร้อย หรือถ้าเกิดจากฟันผุ วัสดุเดิมสีเพี้ยนไป การอุดฟันหรือรื้อวัสดุเก่าออกแล้วอุดใหม่ ก็สามารถแก้ปัญหาได้ครับ ไม่จำเป็นต้องฟอกสีฟัน

แต่หากเราทำความสะอาดก็แล้ว รื้ออุดก็แล้ว ฟันก็ยังไม่ขาวเท่าไหร่ ทีนี้ก็ต้องพึ่งการฟอกสีล่ะครับ


การฟอกสีฟัน เป็นการใช้สารเคมีจำพวก Oxidizing agents เช่น hydrogen peroxide หรือ carbamide peroxide โดยสารเหล่านี้จะซึมเข้าที่ชั้นเคลือบฟันและเนื้อฟัน ไปทำปฏิกริยากับเม็ดสี ทำให้สีฟันจางลง

การฟอกสีฟัน ณ ปัจจุบัน มีอยู่ 3 วิธีครับ

1. ฟอกที่คลินิก (Clinical Bleaching)

เป็นการใช้น้ำยาฟอกสีฟันความเข้มข้นสูง (25-38% hydrogen peroxide) ทาลงบนผิวฟันและมีการฉายแสงเพื่อเร่งปฏิกริยา การฟอกแบบนี้จะต้องใช้ความชำนาญจากทันตแพทย์เนื่องจากน้ำยาอาจทำอันตรายกับเนื้อเยื่อรอบๆได้ ต้องมีการป้องกันด้วยวัสดุเฉพาะก่อนทุกครั้ง

โดยทั่วไป การฟอกที่คลินิกจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชม. แล้วแต่สีฟันของคนไข้

ข้อดีของการฟอกที่คลินิก
- เห็นผลเร็วกว่า เห็นผลภายในวันเดียว

ข้อเสียของการฟอกที่คลินิก
- ต้องใช้เวลาอยู่ที่คลินิกจนเสร็จสิ้นกระบวนการค่อนข้างนาน หากรวมการทำความสะอาดผิวฟันก่อนการฟอกด้วย อาจต้องใช้เวลาร่วมๆ 2 ชม.
- ความคงทนของความขาวน้อยกว่า
- ราคาค่อนข้างสูง

2. ฟอกที่บ้าน (Home Bleaching)

จะเป็นการใช้น้ำยาที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า (10-44% carbamide peroxide ซึ่งเท่ากับ 3-10% hydrogen peroxide) ใส่ลงในถาดฟอกสี (ลักษณะคล้ายๆฟันยาง) แล้วใส่ไว้ที่ฟันของคนไข้ โดยระยะเวลาและความถี่ของการใส่ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิม ทั่วไปควรให้น้ำยาสัมผัสผิวฟันอย่างน้อย 1-3 ชม.ต่อการทำ 1 ครั้ง

สำหรับขั้นตอนการทำ คนไข้ต้องมาพบทันตแพทย์ 2 ครั้งครับ ครั้งแรกมาเพื่อทำการตรวจฟันและพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสีเฉพาะบุคคล ครั้งที่ 2 มารับถาดพิมพ์พร้อมน้ำยาฟอกสีและฟังขั้นตอนในการฟอกที่บ้านจากทันตแพทย์

ข้อดีของการฟอกที่บ้าน
- ใช้เวลาอยู่ในคลินิกไม่นาน ประมาณครั้งละ 10 นาที
- ความคงทนของความขาวมากกว่า
- ราคาในการทำครั้งแรกจะใกล้เคียงกับการฟอกที่คลินิก แต่ส่วนของถาดฟอกสามารถเก็บไว้ใช้ได้ หากคนไข้ต้องการฟอกซ้ำสามารถซื้อเฉพาะน้ำยาไปเพิ่มได้ ทำให้ครั้งต่อๆไปจะถูกลงมาก

ข้อเสียของการฟอกที่บ้าน
- เห็นผลช้า หากทำทุกวันจะเห็นผลใน 10-15 วัน
- ต้องมาที่คลินิกมากกว่า 1 ครั้ง (ครั้งแรกมาเพื่อพิมพ์ปาก ทำถาดฟอกเฉพาะบุคคล ครั้งที่ 2 มาเพื่อรับถาดพิมพ์และน้ำยา)

สำหรับวิธีฟอกที่บ้านนี้ น้ำยาจะคล้ายๆ กับชุดฟอกสีฟันที่ขายอยู่ตามร้านยาใหญ่ๆ ครับ แต่ถาดฟอกที่แถมมาให้ในชุดที่ขายตามร้านขายยาจะไม่พอดีกับฟันของคนไข้เนื่องจากเป็นของสำเร็จรูป ซึ่งอาจเกิดผลเสียได้เพราะน้ำยาจะรั่วซึมไปถูกเหงือก ทำให้เป็นแผลได้ ขณะเดียวกัน ถาดที่ไม่พอดีก็ทำให้น้ำยาไม่สัมผัสผิวฟัน การฟอกก็จะไม่เห็นผลดีเท่าที่ควร

จากข้อดี-ข้อเสียของทั้ง 2 วิธี ถ้าเราต้องการให้ขาวเร็ว และอยากให้ขาวทนด้วย ก็ควรทำทั้ง 2 อย่างร่วมกันครับ

3. การฟอกจากด้านในฟัน (Internal Bleaching)

การฟอกแบบนี้จะสามารถทำได้ในกรณีที่ฟันที่มีสีเข้มขึ้นจากประวัติกระทบกระแทกอย่างรุนแรงทำให้ฟันตาย โดยทันตแพทย์จะต้องทำการรักษารากฟันก่อนแล้วจึงทำการฟอกเฉพาะซี่ รายละเอียดจะขอข้ามไปก่อน จะพูดถึงอีกทีตอนเราว่ากันเรื่องการรักษารากนะครับ



เรื่องที่ควรทราบก่อนการฟอกสีฟัน

1. ก่อนการฟอกสีฟัน เราควรให้ทันตแพทย์ตรวจฟัน และทำความสะอาดผิวฟันก่อน เพื่อให้น้ำยาสามารถสัมผัสกับผิวฟันได้ดีขึ้น

2. หากพบฟันผุลึก ควรทำการอุดชั่วคราวหรือถาวรให้เรียบร้อย เพราะหากน้ำยาฟอกสีซึมเข้าไปบริเวณฟันผุ อาจทำให้เกิดอาการปวดได้

3. เนื่องจากน้ำยาจะทำปฏิกริยากับเนื้อฟันและวัสดุอุดฟันไม่เท่ากัน ทำให้ฟันขาวขึ้น แต่วัสดุไม่ขาวตาม ทำให้อาจต้องรื้อวัสดุอุดใหม่ในบริเวณที่เห็นได้ชัด

4. ขณะฟอกหรือภายหลังจากการฟอกสีฟัน อาจมีอาการเสียวฟันได้บ้าง แต่อาการจะหายไปเองหลังจากหยุดฟอกประมาณ 3-5 วัน

5. ผลของการฟอก ขึ้นอยู่กับสีเดิมของฟัน โดยสีที่เห็นผลมาก ไป น้อย ดังนี้ "เหลือง เทาอ่อน น้ำตาลอ่อน เหลืองเข้ม น้ำตาลเข้ม เทาดำ"

6. ในฟันที่สีเข้มมากๆ อาจให้ผลในการฟอกสีไม่ดีนัก ควรพิจารณาการรักษาอื่นๆเช่น การอุดปิดหน้าฟัน หรือการทำ veneer จะให้ผลที่ดีและถาวรกว่า (จะพูดถึงในครั้งต่อๆไปครับ)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟอกสีฟันและโปรโมชั่น สามารถสอบถามได้ที่คลินิกครับ

ทพ.ศิลา จิรวัฒโนทัย